BWG โชว์งบไตรมาส 2 ฟื้นตัวจากโควิด พลิกกลับมากำไร

บมจ. เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน ผู้นำด้านกำจัดกากอุตสาหกรรมแบบครบวงจรอันดับ 1 ของไทย โชว์งบไตรมาส 2 ฟื้นตัวสวยงาม พลิกฟื้นกำไร 21.04ล้านบาท จากปี2562 ขาดทุน 9.37บาท เติบโต 324.54 % หลังโควิดเริ่มคลี่คลาย พร้อมเปิดแผนยุทธศาสตร์ CEC ต่อยอดอุตสาหกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตให้ธุรกิจทั้งกลุ่ม เตรียมลงทุนโรงไฟฟ้าขยะ 50 เมกะวัตต์ และ โรงบำบัดน้ำเสียครบวงจร

นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน ผู้นำด้านกำจัดกากอุตสาหกรรมแบบครบวงจร อันดับ 1 ของไทย กล่าวว่า “ บริษัทฯ มีสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน มีกำไรสำหรับงวด 21.54 ล้านบาท จาก 3.24 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 565.09%  สำหรับผลประการการไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 459.25  ล้านบาท และมีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 21.04 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 9.37 ล้านบาทในไตรมาส2/2562 และกำไร 0.5ล้านบาทในไตรมาส1/2563เพิ่มขึ้น 324.54% และ4108% ตามลำดับ

เนื่องจากลูกค้าภาคอุตสาหกรรมการผลิตได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 อย่างมาก ทำให้ปริมาณกากอุตสาหกรรมลดน้อยลง อย่างไรก็ดี ขณะนี้ สถานการณ์ได้เริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังมีการค้นพบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆได้เพิ่มอัตราการผลิตมากขึ้น และส่งผลให้ปริมาณกากอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและทำให้กลุ่มบริษัทมีความมั่นใจที่จะเร่งดำเนินโครงการ CEC ต่อไป”

นายสุวัฒน์เปิดเผยว่า กลุ่ม BWG ได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ CEC หรือ ศูนย์บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Environment Center) เพื่อสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนให้กับบริษัทและทุกบริษัทในกลุ่ม  (ETC)  โดยบริษัทฯมีแผนจะสร้างศูนย์ CEC ที่นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว เพื่อรองรับแนวทางของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต่อกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงานและ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานแห่งชาติ ที่ต้องการให้จัดการกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการนำไปทำเป็นเชื้อเพลิงอัดก้อน (RDF) ตามนโยบายที่สนับสนุนให้เปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน (Waste-to-Energy) เพิ่มเป็น 2000 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นเฟสละ 500 เมกะวัตต์

โดย บมจ. เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (BWG) ได้ลงนามสัญญากับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมในการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสระแก้วในจังหวัดสระแก้ว ด้วยการเช่าพื้นที่กว่า 300ไร่ เพื่อลงทุนสร้างศูนย์

บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Environment Center : CEC ) นี้ขึ้น โดยในโครงการนี้จะเป็นการลงทุนร่วมกันทั้งเครือของ BWG โดยมีเป้าหมายในการลงทุนดังนี้

  1. โรงงานเชื้อเพลิงอัดก้อน (RDF) จำนวน 3 โรงงาน กำลังการผลิตรวม 500,000  ตัน/ปี
  2. เตาเผาขยะอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย กำลังการผลิตรวม 70,000 ตัน/ปี ลงทุนโดยบริษัทในเครือ
  3. โรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม กำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ ลงทุนโดยบริษัทในเครือ
  4. โรงงานRecovery น้ำเสีย โดยเน้นการบำบัดน้ำเสียประเภท น้ำปนเปื้อนน้ำมัน หรือน้ำเสียที่ยังมีค่าความร้อน กรด-ด่างเสื่อมสภาพหรือใช้งานแล้ว น้ำเสียปนเปื้อนโลหะ ด้วยวิธีการนำกลับมาใช้ใหม่ กำลังการผลิตรวม 150,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ลงทุนโดยบริษัทในเครือ
  5. ระบบการขนส่งและรถขนส่งชนิดพิเศษสำหรับขนส่งเชื้อเพลิง RDF และกากอุตสาหกรรม ลงทุนโดยบริษัทในเครือ

“ อย่างไรก็ตาม โครงการนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของภาครัฐ และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ใช้ระยะเวลาก่อสร้างตั้งแต่ 1-3 ปีในแต่ละโครงการ ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนของบริษัทและบริษัทย่อยจะมาจากหุ้นกู้และสถาบันการเงินเป็นหลัก ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่า ศูนย์บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Environment Center : CEC ) นี้จะตอบโจทย์การจัดการสิ่งแวดล้อมตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน  Circular Economy แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื่องขยะ ด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่ สร้างพลังงานและรายได้ให้แก่ชุมชน รวมไปถึงทำให้เกิดความยั่งยืนให้แก่บริษัทและบริษัทในเครือ ซึ่งน่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างนี้จากภาครัฐ เนื่องจากสอดคล้องกับนโยบายด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล” นายสุวัฒน์กล่าวสรุป

Related Posts